Saturday, October 28, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 29 ตุลาคม 2017





อพย 22:20-26      1 ธส 1:5-10      มธ 22:34-40

ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้”

Image result for Mt 22:34-40

แม้คนเราส่วนใหญ่มักไร้เหตุผล เห็นแก่ตัว จงให้อภัยเขาเถิด
แม้คุณจะใจกว้างแต่ผู้คนมักหาว่าท่านเห็นแก่ตัวจงมีใจกว้างต่อไป
แม้คุณจะประสบผลสำเร็จ ชนะเหนือเพื่อนไม่ดีหรือศัตรูเพียงไม่กี่คน คุณก็สำเร็จอยู่ดี
แม้คุณจะซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แต่ใครๆยังคงโกงคุณ จงซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาต่อไป
สิ่งที่คุณอุตส่าห์สร้างด้วยเวลาแรมปี บางคนอาจจะทำลายมันลงในชั่วพริบตา จงสร้างเถอะ
เมื่อคุณพบความสงบ ความสุข ผู้คนอาจจะอิจฉาคุณ จงมีความสุขเถิด
ความดีที่คุณทำวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่มีใครจดจำแล้ว จงทำความดีเถิด
ให้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่คุณให้ได้แก่โลก มันอาจจะไม่เคยพอซะที จงให้สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณมีต่อไปเถิด

Image result for love
...เหตุผลก็คือ เพราะพระเจ้ามอบบัญญัติแห่งความรักให้แก่เรา

ภาพ: google image

Thursday, October 26, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 27 ตุลาคม 2017



รม 6:19-23 / ลก 12:49-53

น่าขำดีไหม..คนเรา...เห็นเป็นความดีเล็กน้อยเลยไม่ทำ เห็นเป็นความผิดเล็กน้อยเลยทำ

นักบุญเปาโลอธิบายว่าธรรมชาติมนุษย์อ่อนแอ บางครั้งอยากทำดีแต่ขาดพลัง แต่กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ
"มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจ และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า"
ท่านยังเสริมว่าพระเยซูเจ้าทรงช่วยเราได้...ถ้าเราให้พระองค์ช่วยเรา

สิ่งที่ทำให้เราหลุดพ้นสภาพนี้ได้คือให้เรารู้จักตรวจสอบชีวิตของตนเอง 
พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักพิจารณาว่าการดำเนินชีวิตของเราจะนำไปสู่อะไร เหมือนกับเราสังเกตธรรมชาติที่มีความเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน มีเครื่องหมายที่เราคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

"ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า” (ลก 12:56)

เราต้องรู้จักยอมรับความจริงในชีวิตของเรา
"ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้องเล่า"(ลก 12:57)



Image result for LK 12 56

Tuesday, October 24, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 25 ตุลาคม 2017


Related image

รม 6:12-18  ลก 12:39-48

คงมีน้อยคนที่ชอบเรื่องที่เกินความคาดหมาย เกินความสามารถที่จะควบคุม  มิฉะนั้น เราคงไม่แสวงหาความมั่นคงในชีวิตในการงานอาชีพและทรัพย์สิน เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เป็น "เซอร์ไพร์ส" สำหรับเรา ถ้าเป็นเรื่องล้อเล่นก็พอรับได้ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ....

ความพยายามหลายอย่างของคนเราที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลดหรือป้องกันเรื่องที่เกินความคาดหมายนี่แหล่ะ เราประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เราอดออมสะสมทรัพย์สินเงินทอง เราตีกรอบล้อมรั้วบ้านพักอาศัย เราศึกษาเล่าเรียนพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ 

ชีวิตฝ่ายจิตของเราก็เช่นกัน พระเยซูเจ้าเตือนเราให้ดำเนินชีวิตอย่างดีในสายพระเนตรพระเจ้า พระองค์อาจจะเสด็จมาหาเราในเวลาที่ไม่คาดหมาย พระองค์อาจจะเรียกเราไปเฝ้าพระองค์ในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด

“พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” (ลก 12:39)

ชีวิตของเรา...อย่าหละหลวม...!!!!


ภาพ: Wekelijkse cartoon


Monday, October 23, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 24 ตุลาคม 2017

รม 5:12, 15, 17-21 / ลก 12:35-38

"พรุ่งนี้"

สำหรับบางคนอาจจะหมายถึงอนาคตข้างหน้าที่ยังเปิดกว้าง โอกาสที่เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับบางคนคือเหตุผลสำคัญที่จะรั้งรอหรือชะลอที่จะทำสิ่งที่จำเป็น ที่สำคัญ ที่พึงต้องทำ(ณ วันนี้,ขณะนี้)

"พรุ่งนี้"
อาจทำให้เราคิดว่ายังมีเวลาเพียงพอ...จนลืมคิดว่าอะไรบ้างเร่งด่วน

วันนี้พระเยซูเจ้าทรงเตือนให้เราเห็นถึง สิ่งจำเป็นเร่งด่วน โดยเฉพาะการทำในสิ่งที่มีความสำคัญ

แน่นอนว่าเราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มจริงจังกับชีวิต เราไตร่ตรองและทบทวนอย่างดีถึงพระประสงค์ของพระ โดยเฉพาะในการภาวนาประจำวัน

ปัญหาก็คือเรามักจะบอกว่า มีหลายสิ่งที่ต้องทำไม่ค่อยมีเวลา ไว้พรุ่งนี้ก่อนละกัน...

เราได้ได้ผลัดสิ่งที่ควรจะทำไว้ "พรุ่งนี้"

ชีวิตในแบบนี้ก็เหมือนกับการเดินในหนทางของปีศาจ การปล่อยให้การล่อลวงของปีศาจมีอำนาจเหนือเราก็นำไปสู่ความตาย

แต่ "ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีขึ้นมากกว่า"(รม 5:20)

เวลาของพระเจ้าคือ "ขณะนี้" พระองค์ทรงปรารถนาจะเข้าครอบครองดวงใจของเรา เราจะเปิดประตูหัวใจของเราต้อนรับของพระองค์ "ณ บัดนี้"


Image result for lk 12 35 28
ถอดความจาก http://frstephenyim-weekdays.blogspot.com/

Thursday, October 19, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 20 ตุลาคม 2017

รม 4:1-8  ลก 12:1-7

มีสักกี่คนในพวกเราที่กล่าวอ้างได้ว่า "ฉันสมควรอยู่ในสวรรค์"  
มีอะไรบ้างที่เราทำแล้วพระเจ้าต้องให้รางวัลคือสวรรค์นิรันดรแก่เรา
เราได้รับศีลล้างบาป เราเป็นพระสงฆ์ นักบวช ถวายตนแด่พระเจ้า หรือเราเป็นคนดี ได้ทำสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับพระเจ้า แต่นั่นทำให้เราอ้างกรรมสิทธิ์ในสวรรค์ได้แล้วหรือ

อับราฮัม เป็นผู้ที่แสดงให้เราเห็นว่า เพราะความเชื่อและการตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระด้วยความไว้วางใจต่างหากทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม 

คนชั่วที่หันกลับมาหาพระเจ้า พระเจ้าก็จะประทานสวรรค์เป็นรางวัลแก่เขาเช่นกัน

ดังนั้น การมีความเชื่อ ความไว้วางใจพระเจ้า วางใจในพระเมตตาของพระองค์เป็นท่าทีสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตของเราต่อหน้าพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานพระพรแห่งความเชื่อให้กับเรา ทำให้เรายำเกรงพระ  เราทำดีเพื่อทำให้ชีวิตของเราเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เพื่อสมกับที่พระองค์ทรงเรียกเรามากกว่าเพื่อเรียกร้องรางวัลจากพระองค์ และพระเจ้าย่อมจะต้องตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตของเราด้วยพระทัยเมตตาอย่างแน่นอน เพราะว่า...

 "นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก (ลก 12:6-7)


Image result for lk 12 1 7

Wednesday, October 18, 2017

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน 19 ตุลาคม 2017

รม 3:21-30 / ลก 11:47-54

เมื่อพระเยซูเจ้าประกาศสอนถึงพระเมตตาและความรักของพระเจ้า ก็เป็นเครื่องบรรเทาใจแก่ผู้ถูกกดขี่ข่มเหง พวกเขามีความหวังในการดำเนินชีวิต

แต่สำหรับผู้ที่กดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบอย่างพวกฟารีสีและนักกฎหมายกลับรู้สึกว่าถูกตำหนิ รบกวนจิตใจพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าพวกเขาเป็นผู้ที่มีใจรักเมตตาต่อผู้อื่นแล้วเขาก็คงต้องดำเนินชีวิตในความชอบธรรม มีใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น

"วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านนำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ต้องการจะเข้าไปด้วย” (ลก 11:52)

ถ้าวันนี้พระวาจาของพระเจ้ารบกวนจิตใจท่าน ก็ขอให้เป็นเสียงเรียกจากพระเจ้าให้หันกลับมาดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม มีใจรักเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องเถิด


Related image
ภาพ : Painting titled "Jesus Speaks Against the Pharisees" by James Tissot.

Tuesday, October 10, 2017

เรื่องดีดีจากรั้วเซนต์โยเซฟคอนเวนต์

บรรดาศิษย์เก่าของโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์สำเร็จการศึกษา ก้าวหน้าสร้างชีวิตของตนเป็นแพทย์สาขาต่างๆ มากมาย พวกเขารวมตัวกันตั้งชื่อกลุ่มว่า "หนูรักครู"
กลุ่มหนูรักครูไม่ใช่กลุ่มสังคมสงวนที่หาความสุขใส่ตัว แต่พวกเขาพยายามสำรวจบรรดาครูของพวกเขาที่อยู่ในวัยเกษียณที่อาจจะอยู่ในความเจ็บป่วย มีปัญหาสุขภาพตามวัย บางคนก็อยู่ตามลำพังยากลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวัน พวกเขานำบรรดาครูของพวกเขาเหล่านี้มาฟื้นฟูสุขภาพ ให้การรักษา และดูแลอย่างดีด้วยความรัก ความกตัญญูในฐานะลูกศิษย์ต่อครูบาอาจารย์
สังคมต้องการคนดีที่ลงมือให้ความรักต่อผู้อื่น สังคมต้องการความชุ่มชื่นแห่งจิตใจกลั่นจากน้ำใจใสบริสุทธิ์
จะดีแค่ไหนถ้าลูกหลานดูแลพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่แก่เฒ่า ลูกศิษย์ออกมาดูแลครูบาอาจารย์ของตน ประชาชนออกมาดูแลปิตุภูมิมาตุภูมิถิ่นฐานชาติกำเนิดบ้านเกิดเมืองนอน
ทำดีอะไรได้ ก็จงทำ สังคมที่ดีงามจากเกิดตามมาในไม่ช้า...เชื่อสิ


Photo credit: google image

Saturday, October 7, 2017

ยุวธรรมทูตในศรีลังกา(3)

7 ตุลาคม 2017

         ยุวธรรมทูตเป็นกิจกรรมอภิบาลเด็กๆ ที่ทุกภาคส่วนในสังฆมณฑล Trinco ศรีลังกา ให้ความสำคัญ

พระสังฆราชร่วมถ่ายภาพกับเด็กๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงวัน

         พระสังฆราชเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้าในช่วงเวลาเดียวกันกับคณะของพวกเราจากประเทศไทย 

พระสังฆราชมาถึงบริเวณเริ่มงาน


        ทุกคนเดินเท้าในขบวนเฉลิมฉลองเข้าสู่บริเวณจัดงานสักการสถานแม่พระแห่งลูร์ด เด็กๆ จำนวน 684 คน พี่เลี้ยงจำนวนมาก ซิสเตอร์จากวัดต่างๆ รวมทั้งเจ้าอาวาสจากวัดที่เด็กๆ สังกัดอยู่มาพร้อมหน้ากันทำพิธีเปิด
ธงนำแถวของเด็กๆจากแต่ละวัด ซิสเตอร์และพี่เลี้ยงอยู่อยู่ร่วมในพิธีเปิดการชุมนุม
พระสงฆ์เจ้าอาวาสจากทุกวัดมาร่วมชุมนุม

          จากนั้นพวกเขามีกิจกรรมเฉลิมฉลองตามวัฒนธรรม แล้วตั้งขบวนอีกครั้งเพื่อเข้ายังสักการสถาน พวกเขาจะถวายข้อตั้งใจและได้รับการรับรองเป็นยุวธรรมทูตถาวร ในพิธีบูชาขอบพระคุณ 
นักรำเด็กๆยุวธรรมทูตนำขบวนต้อนรับทุกคนเข้าสู่สักการสถานแม่พระแห่งลูร์ด


           การชุมนุมจบท้ายด้วยการรับฟังคำปราศรัยของคุณพ่อบาซิล ผู้อำนวยการสมณองค์กรประกาศข่าวดีแห่งศรีลังกา พระสังฆราชพูดคุยกับเด็กๆ และบรรดาเด็กๆก็ขับร้องเพลงยุวธรรมทูตสุดเสียงของตนน่าประทับใจ

พระสังฆราชอยู่ร่วมในการชุมนุมยุวธรรมทูตตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
คุณพ่อบาซิล ผู้อำนวยการ PMS พบกับเด็กๆ
ถ่ายภาพร่วมกับเด็กๆก่อนจาก
 
เด็กๆ ปรบมือขับร้องเพลงยุวธรรมทูตเสียงดังหนักแน่น
ทีมเยาวชน/ยุวธรรมทูตรุ่นพี่มาเล่นดนตรีและร้องนำในพิธีกรรม

Friday, October 6, 2017

เยี่ยมชมสมณองค์กรประกาศข่าวดีแห่งศรีลังกา

6 ตุลาคม 2017
คุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายแพร่ธรรม พร้อมทีมของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ คุณพ่อสมหมาย มธุรสสุวรรณ และคุณพ่อวรัญญู นางาม ผู้ช่วยอธิการบ้านเณรเล็ก ร่วมในคณะเยี่ยมชมสำนักงานของสมณองค์กรประกาศข่าวดีแห่งศรีลังกา โดยมีคุณพ่อบาซิล ผู้อำนวยการพร้อมทั้งทีมงานให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น มรภาพบรรยากาศมาฝากครับ

คุณพ่อบาซิลกำลังนำเสนองานและกิจกรรมต่างๆ ที่สำนักงานมีหน้าที่
ร่วมบูชาขอบพระคุณขอพรสำหรับยุวธรรมทูตในศรีลังกาและไทย
ในห้องทำงาน
คุณพ่อสมเกียรติกำลังสอบถามการดำเนินงานด้านต่างๆ
การต้อนรับตามวัฒนธรรม 
คุณพ่อวรัญญูกับเจ้าหน้าที่และคณะเยี่ยมชมจากต่างสังฆมณฑล


Thursday, October 5, 2017

ยุวธรรมทูตในศรีลังกา

5 ตุลาคม 2017

        วันนี้เราได้เห็นการชุมนุมยุวธรรมทูตของสังฆมณฑลใหญ่ในบริบทเมืองและในเขตหมู่บ้านชนบทที่มียุวธรรมทูตมานานถึง 25 ปี

        ในช่วงเช้าคณะของเราร่วมในการชุมนุมยุวธรรมทูตจำนวน 500 คน ซึ่งเป็นเด็กๆ ในเขตหนึ่งอัครสังฆมณฑลโคลอมโบ มีผู้ดำเนินงาน(animators) 70 คน รวมทั้งพระสงฆ์เจ้าอาวาสและผู้ช่วย

          เด็กๆ ร่วมกันสวดสายประคำและเคารพศีลมหาสนิทโดยคุณพ่อบาซิล ผู้อำนวยการPMS ของศรีลังกา เป็นประธานในพิธี


ในตอนบ่ายเรามุ่งหน้าไปหมู่บ้านชนบทริมทะเลที่ชื่อว่า Chilaw(ชิเลา) ที่นี่เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณพ่อเจ้าวัด เด็กๆ ยุวธรรมทูตและพ่อแม่ของเขา

เป็นการฉลอง 25 ปีของยุวธรรมทูตในหมู่บ้านนี้ ที่น่าสนใจก็คือ มีเด็กๆ 300 กว่าคนซึ่งถือว่ามากเนื่องจากพ่อแม่ของเขาสนับสนุน เพราะเขาอยากให้ลูกหลานของเขาใกล้ชิดพระเยซูเจ้า มีเยาวชนอาสามาเป็นผู้นำกลุ่ม 20 คนขณะที่เพื่อนๆของเขาเลือกที่จะไปทำอย่างอื่นตามกระแสนิยม พ่อแม่ของเด็กๆก็สละเวลามาร่วมฉลองด้วย พวกเขาก็เคยเป็นยุวธรรมทูตเช่นกัน
ทุกคนต่างมาพร้อมหน้าร่วมฉลอง

บรรยากาศการต้อนรับ
25 ปียุวธรรมทูตแห่งชิเลา
นี่คือยุวธรรมทูตคนแรกของหมู่บ้าน

Wednesday, October 4, 2017

ยุวธรรมทูตในศรีลังกา

4 ตุลาคม 2017 (วันแรกของการเดินทาง)

        ศรีลังกาเป็นประเทศที่ประชากรของประเทศส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ คาทอลิก ฮินดู มุสลิมมีเป็นจำนวนน้อย สำหรับคาทอลิกมีประมาณ 3 % และมีอิสรภาพในการประกาศความเชื่อของตนเอง ไม่มีการเบียดเบียน แต่ก็มีสงครามกลางเมืองที่ทำให้การประกาศข่าวดีไม่คืบหน้าในบางพื้นที่

         พระศาสนจักรในศรีลังกาแบ่งเขตปกครองออกเป็น 12 สังฆมณฑล มีพระสังฆราช 14 องค์ สังฆมณฑลโคลอมโบซึ่งเป็นสังฆมณฑลที่ใหญ่ที่สุดมีพระสังฆราช 3 องค์ และมีวัดมากราว 200 วัด  บางสังฆมณฑลทางตอนเหนือพระสงฆ์อยู่ในความยากลำบาก เพราะอยู่ในภาพวะสงครามกลางเมืองมานานกว่า 30 ปี คงต้องใช้เวลาในการเยียวยาสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงราว 60 ปี
 
        การเดินทางในวันนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย มาถึงสนามบินเวลาเย็นๆ อากาศไม่ร้อนมากนัก ประกอบกับภูมิประเทศเป็นเกาะแก่ง เราเดินทางโดยรถบัสเส้นทางจากสนามบินถึงโรงแรมเลียบทะเลสาปลากูน เป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ถึงที่พักกันก็อ่อนล้าพอสมควร ได้ชิมอาหารมื้อแรกก็รสชาติดีถูกปากสมาชิกร่วมการเดินทางครั้งนี้หลายคนทีเดียว

       พักผ่อนเตรียมพบกับเหตุการณ์วันใหม่...

กำลังงงๆ หลังจากเครื่องลงสู่แผ่นดินศรีลังกา
ภายในสนามบิน
วิวยามเย็นเลียบทางด่วนจากสนามบินสู่ที่พัก
บ้านเรือนสองข้างถนน มีรูปพระ นักบุญบ่งบอกว่ามีคาทอลิกอยู่บริเวณนั้น