Saturday, December 31, 2016

สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า

เชิญอ่านพระวาจา กดว  6 : 22 -27 ;    กท  4: 4- 7 ;    ลก 2: 16 - 21

ภาวนาด้วยกัน
ข้าแต่พระบิดาเจ้าสวรรค์
พระองค์ทรงอวยพรพระนางมารีย์ด้วยพระหรรษทานอันบริบูรณ์
พระนางเป็นแบบอย่างของลูกในความเชื่อ ความหวัง และความรัก
ลูกขอมอบปีใหม่นี้ไว้ในคำเสนอวิงวอนของพระนาง
โปรดวางความปรารถนาของลูกไว้ในการปกป้องด้วยความรักของพระนาง
โดยอาศัยความช่วยเหลือของพระนางขอให้ลูกเติบโตในความเชื่อ
ให้ลูกมีความหวังเพิ่มพูนขึ้นยามเมื่อเผชิญกับความยากลำบากที่ทำให้สิ้นหวัง
โปรดนำทางลูกเพื่อจะเข้าใจลึกซึ้งถึงความรักอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์
และโปรดหลอมรวมดวงใจของลูกกับดวงพระทัยอันนิรมลของพระแม่ 
เพื่อลูกจะก้าวหน้าในความรักต่อทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข
ตามแบบอย่างองค์พระเยซู พระผู้ไถ่ของลูก อาแมน



Friday, December 30, 2016

วันที่ 7 ในอัฐมวารพระคริสตสมภพ

เชิญอ่านพระวาจา 1 ยอห์น 2:18-21, ยอห์น 1:1-18

ก้าวต่อไปในพระวจนาตถ์...
 วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีปฏิทินก็มักชวนให้เราหวลรำลึกเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งสำหรับบางคนก็เป็นความชื่นชมยินดี สมหวัง มีความสุข สำหรับบางคนก็เป็นความผิดหวัง ขมขื่น เป็นทุกข์ และแน่นอนบางครั้งก็กังวลต่ออนาคต มันจะดีมีสุขต่อไปไหม จะต้องทุกข์ทนไม่สิ้นสุดหรือเปล่า ทำให้บางครั้งก็ไม่กล้า ไม่พร้อมที่จะก้าวต่อไป...

นักบุญยอห์น อัครสาวกใด้ให้กำลังใจและช่วยให้เรามีความหวัง "พระวจนาตถ์ทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา" พระคริสตเจ้าคือพระวจนาตถ์ที่ทรงร่วมในธรรมชาติมนุษย์เพื่อว่าเราจะได้ร่วมในพระธรรมชาติของพระองค์ เป็นข่าวประเสริฐที่ทำให้เรามีความหวังและกำลังใจ เราจะมีชีวิตอยู่และก้าวเดินต่อไปในอนาคตพร้อมกับพระคริสตเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดใด และแม้กระทั่งเมื่อเราผ่านความตายไปแล้วพระองค์ก็จะทรงประทับอยู่กับเรา


"จงรับเอาไปกินให้ทั่วกัน นี่คือกายของเราที่จะมอบเพื่อท่าน",  "อย่ากลัวเลย เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายตราบจนสิ้นพิภพ" พระวาจาและเครื่องหมายที่เตือนใจเราเสมอว่าพระองค์จะอยู่กับเรา  การรับศีลมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอจึงน่าจะช่วยให้เราคริสตชนพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่ปีใหม่อย่างมั่นใจ สู่อนาคตที่เราไม่อาจคาดเดา ไม่อาจกำหนดได้อย่างครบถ้วนตามที่ปรารถนา เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ก้าวเดินไปในพระวจนาตถ์...

Thursday, December 29, 2016

ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญยอแซฟ

เชิญอ่าน    พระวาจาประจำวัน บุตรสิรา 3:2-6, 12-14, คส 3:12-21, มธ 2:13-15, 19-23

หนังสือบุตรสิราชวนใ่ห้เราตระหนักถึงหน้าที่ที่สมาชิกในครอบครัวพึงมีต่อกัน เป็นปรีชาญาณที่ช่วยให้แสงสว่างแก่เราในการดำเนินชีวิต บุตรที่นบนอบเคารพเชื่อฟังบิดามารดา อายุจะยืน เขาจะไม่ขาดปรีชาญาณ และพระเจ้าจะอวยพร ในเวลาเดียวกันหากมองย้อนกลับ บิดามารดาที่ลูกๆ จะให้ความเคารพเชื่อฟังก็เรียกร้องความตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนในการอบรมเลี้ยงดูและเป็นแบบอย่างเช่นกัน เราจึงควรเปิดใจกว้างรับฟังพระวาจาของพระเจ้า และตั้งใจปฏิบัติตาม

สิ่งที่เรียกร้องและผนึกความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวคือความรัก (โคโลสี 3:12) ความเมตตาต่อกัน ซึ่งแสดงออกในความอดทนในความอ่อนแอของผู้อื่น การให้อภัยในความผิดที่ได้ทำ หลายครั้งปัญหาในครอบครัวเกิดขึ้นเพราะความไม่อดทน การเอาแต่ใจตัวเอง ตำหนิต่อว่าความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก อย่าลืมว่าพระเจ้าประทานสมาชิกในครอบครัวให้แก่เราเพื่อเป็นแหล่งฝึกฝนความรัก ถ้าในครอบครัวรักกันและกันไม่ได้ ให้อภัยกันไม่ได้ เราจะรักคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันได้อย่างแท้จริงได้อย่างไร เว้นแต่เขาจะเป็นคนหลอกลวงตัวฉกาจ หลายคนเสแสร้งแกล้งรักเมตตาคนทั้งโลก แต่กลับมีจิตใจคับแคบกับพี่น้องหรือคนในครอบครัว ก็คงจะต้องทบทวนตัวเองเช่นกัน

พระเยซูกุมาร ได้รับการปกป้องจากนักบุญยอแซฟและพระแม่มารีย์โดยการพาหนีอันตรายจากการไล่ล่าของกษัตริย์เฮโรด(มธ 2:13-15) ก็ชวนให้เราคิดถึงเด็กๆ ลูกหลานของเราที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไม่สามารถปกป้องตัวเองซึ่งกำลังเผชิญกับอันตรายต่างๆ มากมายในโลกปัจจุบัน พ่อแม่หรือผู้ใหญ่คงต้องคอยปกป้องช่วยเหลือให้รอดพ้นจากภัยต่างๆ เหล่านั้น ด้วยการพาหลีกหนีให้ไกลจากสิ่งชั่วร้าย ไกลจากโอกาสให้ผิดพลาดและตกเป็นทาสของผีปีศาจ บางทีอาจจะถึงต้องอพยพย้ายถิ่นอาศัยก็เป็นได้  ซึ่งแน่นอนเรียกร้องการอุทิศตัวด้วยความเสียสละและด้วยความรักต่อลูกหลาน เวลาเดียวกันอย่าลืมว่าท่านได้รับกระแสเรียกให้เป็นบิดามารดา เป็นผู้ร่วมในแผนการสรรสร้างของพระเจ้า จึงเป็นหน้าที่หลักและหน้าที่แรกของท่านที่มาก่อนหน้าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฐานะ การสร้างเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ฯลฯ

วันฉลองนี้ยังทำให้เราคิดถึงหน้าที่ของเราต่อประเทศชาติบ้านเมืองอันเป็นมาตุภูมิ ปิตุภูมิ บ้านเกิดเมืองนอนของเราด้วย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดใด ย่อมมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคน ดังนั้นจึงจะละเลยเสียมิได้ในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ รักษาอธิปไตยและความยั่งยืน

พระสันตะปาปาฟรังซิสยังได้ออกพระสมณสารเตือนใจให้เราคิดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วย โลกที่เราจะเหลือไว้ให้ลูกหลานของเราอาศัยอยู่จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่คนมีอำนาจ คนมีฐานะจะมีสิทธิที่จะกำหนดเท่านั้นแต่เป็นมนุษย์ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องรักษาและฟื้นฟูโลกใบนี้ของเรา

ที่สุด ในสายตาแห่งความเชื่อ เรามนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกันมีพระเจ้าเป็นพระบิดาของเรา เราจึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะร่วมกันสร้างสันติภาพ ความรักและความเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ถือความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรมประเพณี สีผิว เป็นอุปสรรคอีกต่อไป



Wednesday, December 28, 2016

วันที่ 5 ในอัฐมวารพระคริสตสมภพ

เชิญอ่าน พระวาจาประจำวัน 

"การพบปะกับพระเจ้า"
พระเจ้าทรงพบปะกับเราไม่ใช่ในความรู้ความเข้าใจเท่านั้น แต่ในความเชื่อและประสบการณ์ชีวิต คิดว่ารักคิดว่ารู้จักพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราพบพระเจ้าแล้ว แต่นักบุญยอห์นในบทจดหมายของท่านสอนเราว่า อาศัยการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า จะทำให้เรารู้จักและอยู่ในพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ "ถ้าเราปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์" ใครไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ก็เป็นคนพูดคำเท็จ อยู่ในความมืดและตาบอด(ข้อ11)

เราสรุปรวมบทบัญญัติของพระเจ้าว่าพระบัญญัติแห่งความรักซึ่งเป็นทั้งบทบัญญัติเก่าและใหม่ เก่าเพราะเป็นถ้อยคำที่สืบทอดต่อมาในธรรมประเพณีของพระศาสนจักร ใหม่เพราะว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นในความตายและกางเขนของพระองค์ว่าผู้ที่ได้รับเรียกจากพระเจ้าทุกคนจะต้องเดินในหนทางแห่งความรักนี้ รักที่ยอมมอบแม้ชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ซึ่งเขาต้องเลือกด้วยใจอิสระไม่ใช่เพราะเป็นข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามด้วยความจำใจ

พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาในพระวิหารท่ามกลางผู้คนที่คราคร่ำ บรรดาสมณะก็ยุ่งอยู่กับการประกอบพิธีกรรมจนไม่ได้สังเกต พระแม่มารีย์และนักบุญยอแซฟเป็นผู้ที่นำให้พระผู้ไถ่ได้เป็นที่รับรู้ของมนุษย์ด้วยการทำตามธรรมประเพณีของชาวยิว "การถวายบุตรคนแรกแด่พระเจ้า " ทั้งสองได้นำของประเสริฐที่พระเจ้าได้ประทานให้กลับมาถวายแด่พระองค์ เราอาจจะถวายสิ่งดีดีในชีวิตแด่พระเจ้าได้เช่นเดียวกัน อย่าลืมว่าการไปที่วัดร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นการไปถวายสิ่งล้ำค่าที่เรามีที่เราได้รับมาจากพระเจ้าเพื่อโมทนาขอบคุณพระองค์

พระคริสตเจ้ามักจะพบกับเราอย่างเงียบสงบ ในวันนี้พระองค์เสด็จมาในสภาพของเด็กแรกเกิดตัวน้อยๆ แสนบริสุทธิ์ ในโอกาสต่อๆ ไป พระองค์อาจจะมาในฐานะเพื่อนที่มาเคาะประตูรอคอยการเปิดต้อนรับ ในตอนเย็นๆ พระองค์อาจจะประทับอยู่บนกางเขนให้เรารำพึงถึง พระองค์อาจจะมาอีกในสภาพอันรุ่งโรจน์ เราอาจจะสัมผัสพระองค์แต่เมื่อเราจำพระองค์ได้พระองค์อาจจะจากไปก็เป็นได้ 

ให้เราเป็นเหมือนผู้เฒ่าซีเมโอนที่หวังและรอคอยที่จะพบกับองค์พระคริสตเจ้าในชีวิตของเรา...และเรารู้แล้วว่าจะพบและอยู่ในพระองค์ได้อย่างไร