เชิญอ่าน พระวาจาประจำวัน บุตรสิรา 3:2-6, 12-14, คส 3:12-21, มธ 2:13-15, 19-23
หนังสือบุตรสิราชวนใ่ห้เราตระหนักถึงหน้าที่ที่สมาชิกในครอบครัวพึงมีต่อกัน เป็นปรีชาญาณที่ช่วยให้แสงสว่างแก่เราในการดำเนินชีวิต บุตรที่นบนอบเคารพเชื่อฟังบิดามารดา อายุจะยืน เขาจะไม่ขาดปรีชาญาณ และพระเจ้าจะอวยพร ในเวลาเดียวกันหากมองย้อนกลับ บิดามารดาที่ลูกๆ จะให้ความเคารพเชื่อฟังก็เรียกร้องความตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนในการอบรมเลี้ยงดูและเป็นแบบอย่างเช่นกัน เราจึงควรเปิดใจกว้างรับฟังพระวาจาของพระเจ้า และตั้งใจปฏิบัติตาม
สิ่งที่เรียกร้องและผนึกความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวคือความรัก
(โคโลสี 3:12) ความเมตตาต่อกัน ซึ่งแสดงออกในความอดทนในความอ่อนแอของผู้อื่น การให้อภัยในความผิดที่ได้ทำ หลายครั้งปัญหาในครอบครัวเกิดขึ้นเพราะความไม่อดทน การเอาแต่ใจตัวเอง ตำหนิต่อว่าความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก อย่าลืมว่าพระเจ้าประทานสมาชิกในครอบครัวให้แก่เราเพื่อเป็นแหล่งฝึกฝนความรัก ถ้าในครอบครัวรักกันและกันไม่ได้ ให้อภัยกันไม่ได้ เราจะรักคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันได้อย่างแท้จริงได้อย่างไร เว้นแต่เขาจะเป็นคนหลอกลวงตัวฉกาจ หลายคนเสแสร้งแกล้งรักเมตตาคนทั้งโลก แต่กลับมีจิตใจคับแคบกับพี่น้องหรือคนในครอบครัว ก็คงจะต้องทบทวนตัวเองเช่นกัน
พระเยซูกุมาร ได้รับการปกป้องจากนักบุญยอแซฟและพระแม่มารีย์โดยการพาหนีอันตรายจากการไล่ล่าของกษัตริย์เฮโรด
(มธ 2:13-15) ก็ชวนให้เราคิดถึงเด็กๆ ลูกหลานของเราที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไม่สามารถปกป้องตัวเองซึ่งกำลังเผชิญกับอันตรายต่างๆ มากมายในโลกปัจจุบัน พ่อแม่หรือผู้ใหญ่คงต้องคอยปกป้องช่วยเหลือให้รอดพ้นจากภัยต่างๆ เหล่านั้น ด้วยการพาหลีกหนีให้ไกลจากสิ่งชั่วร้าย ไกลจากโอกาสให้ผิดพลาดและตกเป็นทาสของผีปีศาจ บางทีอาจจะถึงต้องอพยพย้ายถิ่นอาศัยก็เป็นได้ ซึ่งแน่นอนเรียกร้องการอุทิศตัวด้วยความเสียสละและด้วยความรักต่อลูกหลาน เวลาเดียวกันอย่าลืมว่าท่านได้รับกระแสเรียกให้เป็นบิดามารดา เป็นผู้ร่วมในแผนการสรรสร้างของพระเจ้า จึงเป็นหน้าที่หลักและหน้าที่แรกของท่านที่มาก่อนหน้าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฐานะ การสร้างเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ฯลฯ
วันฉลองนี้ยังทำให้เราคิดถึงหน้าที่ของเราต่อประเทศชาติบ้านเมืองอันเป็นมาตุภูมิ ปิตุภูมิ บ้านเกิดเมืองนอนของเราด้วย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดใด ย่อมมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราแต่ละคน ดังนั้นจึงจะละเลยเสียมิได้ในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ รักษาอธิปไตยและความยั่งยืน
พระสันตะปาปาฟรังซิสยังได้ออกพระสมณสารเตือนใจให้เราคิดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วย โลกที่เราจะเหลือไว้ให้ลูกหลานของเราอาศัยอยู่จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่คนมีอำนาจ คนมีฐานะจะมีสิทธิที่จะกำหนดเท่านั้นแต่เป็นมนุษย์ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องรักษาและฟื้นฟูโลกใบนี้ของเรา
ที่สุด ในสายตาแห่งความเชื่อ เรามนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกันมีพระเจ้าเป็นพระบิดาของเรา เราจึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะร่วมกันสร้างสันติภาพ ความรักและความเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ถือความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรมประเพณี สีผิว เป็นอุปสรรคอีกต่อไป